วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ใบงานที่ 5

CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW
CD = Compact Disc
ROM = Read-only Memory หน่วยความจำอ่านอย่างเดียว
DVD = Digital Video Disc หรือ Digital Versatile Disc
RW = rewritable (สามารถนำกลับมาบันทึกใหม่)
     เป็นไดรฟ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดีรอม ซึ่งถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ที่สามารถเขียนแผ่นได้คือ CD-RW หรือ DVD-RW โดยความเร็วของ ซีดีรอมจะเรียกเป็น X เช่น 16X , 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดียวกับ Harddisk
     การทำงานของ CD-ROM ภายในซีดีรอมจะแบ่งเป็นแทร็กและเซ็กเตอร์เหมือนกับแผ่นดิสก์ แต่เซ็กเตอร์ในซีดีรอมจะมีขนาดเท่ากัน ทุกเซ็กเตอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เมื่อไดรฟ์ซีดีรอมเริ่มทำงานมอเตอร์จะเริ่มหมุนด้วยความเร็ว หลายค่า ทั้งนี้เพื่อให้อัตราเร็วในการอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงที่สม่ำเสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ ที่อยู่รอบนอกกรือวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอร์จะฉายลงซีดีรอม โดยลำแสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่เคลื่อนตำแหน่งได้ โดยการทำงานของขดลวด ลำแสงเลเซอร์จะทะลุผ่านไปที่ซีดีรอมแล้วถูกสะท้อนกลับ ที่ผิวหน้าของซีดีรอมจะเป็น หลุมเป็นบ่อ ส่วนที่เป็นหลุมลงไปเรียก "แลนด์" สำหรับบริเวณที่ไม่มีการเจาะลึกลงไปเรียก "พิต" ผิวสองรูปแบบนี้เราใช้แทนการเก็บข้อมูลในรูปแบบของ 1 และ 0 แสงเมื่อถูกพิตจะกระจายไปไม่สะท้อนกลับ แต่เมื่อแสงถูกเลนส์จะสะท้อนกลับผ่านแท่งปริซึม จากนั้นหักเหผ่านแท่งปริซึมไปยังตัวตรวจจับแสงอีกที ทุกๆช่วงของลำแสงที่กระทบตัวตรวจจับแสงจะกำเนิดแรงดันไฟฟ้า หรือเกิด 1 และ 0 ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ ส่วนการบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีรอมนั้นต้องใช้แสงเลเซอร์เช่นกัน โดยมีลำแสงเลเซอร์จากหัวบันทึกของเครื่อง บันทึกข้อมูลส่องไปกระทบพื้นผิวหน้าของแผ่น ถ้าส่องไปกระทบบริเวณใดจะทำให้บริเวณนั้นเป็นหลุมขนาดเล็ก บริเวณทีไม่ถูกบันทึกจะมีลักษณะเป็นพื้นเรียบสลับกันไปเรื่อยๆตลอดทั้งแผ่น
    สำหรับการทำงานของ  DVD-ROM  ก็จะคล้ายกับ  CD-ROM  แต่ถ้ามี  RW  หมายความว่าสามารถอ่านและเขียนแผ่นได้



1. laser sled
2. sliding rails
3. motor
4. disc hub
5. lens
6. polycarbonate
7. pits
8. reflective material
9. coating
10. label surface

ใบงานที่ 4

จานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter)
เป็นส่วนประกอบในรูปแบบของจานโลหะติดตั้งอยู่ภายในตัวฮาร์ดดิสก์โดยจำนวนของ Disk Platter มีขนาด และจำนวนแผ่นในฮาร์ดดิสก์ของแต่ละรุ่นจะไม่เท่ากัน ขนาดของ Platter เรียกว่า Form Factor ของฮาร์ดดิสก์ มีขนาดต่างกัน
ชนิดของสารที่ใช้เคลือบบนจาน Disk Platter มีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
1. สารประเภท Iron Oxide แบบดั้งเดิม สารนี้ถูกเคลือบลงบนจาน Platter ด้วยความหนาประมาณ 30 ไมโครนิ้ว ข้อเสียของการเคลือบของสารนี้ คือ ความเปราะบางต่อการแตกหัก และชำรุดเมื่อเกิดการกระแทกลงบนผิวของมัน
2. สารประเภท Thin Film Media เป็นการเคลือบของสารประกอบประเภท Thin Film ที่มีความบางประมาณ 12 ไมโครนิ้ว เท่านั้น ด้วยความหนาขนาดนี้ ทำให้หัวฮาร์ดดิสก์มีความใกล้ชิดกับจาน Platter มากยิ่งขึ้น เป็นผลให้ ความแม่นยำในการอ่านและเขียนลงบนจาน Platter มีมากยิ่งขึ้น ข้อดีอีกประการหนึ่งของ Thin Film ได้แก่ ความสามารถในการทนแรงขีดข่วนของพื้นผิวที่เคลือบ และสามารถป้องกันข้อมูลได้ดีกว่า Iron Oxide
Head Arm/Head Slider/Ribbon cable
แขนกลที่ติดตั้งหัวฮาร์ดดิสก์ เรียกว่า Head Slider ซึ่งตัว Slider นั้นมีรูปร่างคล้ายกับยอดแหลมของเรือใบโดยมีจุดกึ่งกลางที่มีไว้เป็นตัวนำพาหัวอ่าน/เขียนของฮาร์ดดิสก์ให้วิ่งไปมาเหนือจานฮาร์ดดิสก(Disk Platter)
ขนาดมาตรฐานของ Slider โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 0.08 x 0.063 สำหรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ขนาดของ Slider นี้ ถูกเรียกว่า "Nano Slider" เนื่องจากมีขนาดเล็ก

Spindle   แกนหมุน
ฮาร์ดดิกส์
Motor

Spindle Motor เป็นมอเตอร์หลักที่หมุนตัวจานฮาร์ดดิสก์ เหตุที่เรียกว่า Spindle Motor ก็เนื่องจากที่มันเชื่อมต่อกับจานฮาร์ดดิสก์โดยตรง และหมุนเป็นวงกลม
การทำงานของมอเตอร์ชนิดนี้เป็นแบบ Feed Back Loop เพื่อการปรับอัตราความเร็วในการหมุนของมันโดยอัตโนมัติ และโดยทั่วไป อัตราความเร็วในการหมุนมีตั้งแต่ 3600 รอบ ไปจนถึง 10,700 รอบทีเดียวซึ่งอัตราความเร็วในการหมุนของจานฮาร์ดดิสก์นี้มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วดีขึ้นฮาร์ดดิสก์ที่ยิ่งมีความเร็วในการหมุนเท่าใดก็ยิ่งดีมากเท่านั้น
 Spindle Ground Strap
Spindle Ground Trap เป็นตัวดักจับไฟฟ้าสถิตที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีประจุไฟฟ้าที่เกาะบนพื้นผิวจาน Platter แล้วหมุนด้วยความเร็วสูงจนอาจเกิดปรากฏการณ์ไดนาโมขึ้น ซึ่งตัวดักจับไฟฟ้าสถิตนี้ จะอยู่ที่ด้านล่างของ Motor ในฮาร์ดดิสก์รุ่นเก่าหรือแบบรุ่นใหม่บางรุ่น
Logic Board
Logic Board จัดว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของตัวฮาร์ดดิสก์ เนื่องจากเป็นจุดศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งบน Logic Board นี้ ประกอบไปด้วย Processor Chip และหน่วยความจำทั้ง Flash Memory รวมทั้ง Ram Buffer และ Servo Processor ที่ใช้ควบคุม Motor เป็นต้น
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ภายในฮาร์ดดิสก์มักเป็นแบบ Head Slider สุญญากาศ ซึ่งไม่เป็นเช่นนั้น และฮาร์ดดิสก์จะไม่มีวันทำงานภายใต้เงื่อนไขสุญญากาศอย่างแน่นอน เนื่องจากหัว Read/Write ของฮาร์ดดิสก์ต้องการอากาศที่จะคอยยกหัวของมันให้ลอยเหนือจาน Disk Platter นั่นเอง
Cable กับ Connectors
Cable กับ Connectors มีไว้เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างฮาร์ดดิสก์กับคอมพิวเตอร์หลัก จุดประสงค์ก็เพื่อการถ่ายเทข้อมูลไปมาระหว่างฮาร์ดดิสก์กับคอมพิวเตอร์ ขนาดของ Connector ขึ้นอยู่กับขนาดของฮาร์ดดิสก์ ดังนี้
  • HDD ระบบ IDE/EIDE มีขนาด Connector 40 Pins
  • HDD ระบบ SCSI-1 หรือ SCSI-II หรือ Fast SCSI ต่างใช้ 50 Pins
  • HDD ระบบ Wide SCSI มี Connector ขนาด 60 Pin
Power Connector เป็นที่ๆ เราใช้เพื่อป้อนแรงดันไฟเลี้ยงฮาร์ดดิสก์ ซึ่งมี Connector ซึ่งใช้สายไฟ 4 เส้น ได้แก่ สีแดง สำหรับไฟ +5V สีเหลือง สำหรับไฟ +12V ส่วนสีดำ จะเป็น Ground แรงดันไฟที่ใช้เลี้ยงฮาร์ดดิสก์นี้ หากมีความคลาดเคลื่อนก็ต้องไม่เกินบวกลบ 0.5V

หัวอ่าน/เขียน ของฮาร์ดดิสก์ Read/Write Head

Read/Write Head หรือหัวอ่าน/เขียนของฮาร์ดดิสก์ มีไว้เพื่อการอ่านและเขียนข้อมูลลงบนจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) ปกติจำนวนของหัว Read/Write นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของจาน Disk Platter ซึ่งหมายความว่า ฮาร์ดดิสก์ที่มี 2 จาน Platter จะต้องมีหัว Read/Write นี้ถึง 2 หัว (หัวบนและหัวล่างต่อ 1 จานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter)) แต่ก็ไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป
ปกติหัวฮาร์ดดิสก์ หรือ Read/Write Head นี้จะต้องไม่แตะต้องกับจานฮาร์ดดิสก์ ขณะที่มีการทำงานปกติ แต่เมื่อใดที่ฮาร์ดดิสก์หยุดการทำงาน หัวฮาร์ดดิสก์นี้จะสัมผัสกับจาน Disk Platter เนื่องจากว่า สาเหตุที่หัวฮาร์ดดิสก์สามารถลอยตัวอยู่เหนือจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) ได้ เนื่องจากแรงกระพือของลมที่อยู่ภายในตัวฮาร์ดดิสก์ ขณะที่จานหมุนจะช่วยยกหัวฮาร์ดดิสก์ให้ลอยตัวขึ้นจากจาน Disk Platter ได้
ระดับความสูงของหัวฮาร์ดดิสก์ ที่ลอยเหนือจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) จะอยู่ที่ประมาณ 200-300 ไมโครนิ้วเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้หัวอ่านลอยอยู่เหนือจาน Disk Platter เพียง 3-5 ไมโครนิ้วเท่านั้น
ประเภทของฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ได้มีพัฒนาการในการเชื่อมต่อหรืออินเตอร์เฟสมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  สำหรับรูปแบบการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์ของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มี 3 รูปแบบคือ แบบ IDE ซึ่งได้พัฒนาต่อมาเป็นแบบ EIDE ( Enhanced  IDE)  สำหรับเครื่องทั่วไป แบบ SCSI นิยมใช้ Server  และWorkstation  และ แบบ Serial ATA เป็นมาตรฐานใหม่ของฮาร์ดดิสก์  สำหรับเครื่อง PC  ทั่วไปมีความเร็วสูงและมีการเชื่อมต่อที่ง่ายกว่าเดิม

ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE (EIDE)
      
ฮาร์ดดิสก์ที่เรียกว่าแบบ IDE ปัจจุบันเป็นแบบ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronic) ทั้งสิ้น โดยพัฒนาต่อจากแบบ IDE เดิม ซึ่งมีข้อจำกัดไม่สามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุไม่เกิน 528 MB
ฮาร์ดดิสก์ในมาตรฐานนี้มีหลายความเร็วได้แก่ Ultra ATA (Ultra DMA)/33,/66,/100,/133ซึ่งมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล33,66,100,133, MB/s ตามลำดับฮาร์ดดิสก์แบบ ATA/33 จะเชื่อมต่อกับเมนบอร์ดด้วยสายแพแบบ 40 เส้นส่วนฮาร์ดดิสก์ ATA/66/100/133 จะเชื่อมต่อด้วยสายแพแบบ 80 เส้นโดยปกติบนเมนบอร์ดจะมีช่องต่อ IDE มาให้ 2 ช่องคือ IDE1 และ IDE2ซึ่งแต่ละช่องต่อจะติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ลูกซึ่งแต่ละลูกจะต้องกำหนดลำดับโดยจัมเปอร์เป็น “Master”และ“Slave” ให้ถูกต้องจึงจะใช้งานฮาร์ดดิสก์นั้นได้

ฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI
        
ย่อมาจาก Small Computer Interface เป็นฮาร์ดดิสก์ซึ่งมีความเร็วสูงสามารถรับส่งข้อมูลได้เกินกว่า 160 MB/s จะต้องใช้ร่วมกับตัวควบคุมที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสริมโดยในช่วงแรกใช้สายแพเชื่อมต่อกับการ์ดแบบ 50 เส้น แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนามาเป็นมาตรฐาน SCSI 2  และ 3 ได้เปลี่ยนมาใช้สายแพสำหรับเชื่อมต่อซึ่งเป็นแบบ 68 เส้น
การ์ดเสริม (SCSI) นอกจากจะใช้เชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI ได้แล้ว ยังสามารถใช้พ่วงต่อกับอุปกรณ์ SCSI อื่นๆได้อีกรวม 7-15 ตัว แต่เนื่องจากมีราคาแพงและต้องใช้ร่วมกับการ์ดควบคุม (SCSI Card) จึงนิยมใช้งานเฉพาะกับเครื่อง Server สำหรับควบคุมเครือข่าย
ฮาร์ดดิสก์แบบ Serial ATA
ฮาร์ดดิสก์แบบ SATA เป็นอินเตอร์เฟสรูปแบบใหม่ที่ใช้การรับส่งข้อมูลในแบบอนุกรม (IDE ใช้การรับส่งข้อมูลในแบบขนาน) จึงทำให้สามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าแบบ IDE โดย Serial ATA 1.0 สามารถส่งข้อมูลได้ความเร็วสูงถึง 150MB/s และจะสูงถึง 300 และ 600 MB/s ใน SATA เวอร์ชั่น 2 และ 3 ต่อไป

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ใบงานที่ 2

ค    
          คำศัพท์เฉพาะคอมพิวเตอร์(เช่น LCD , CPU ฯลฯ)
  backup : การสำรอง
                    การสำรองเอาไว้ใช้สำรองโปรแกรมหรือสำรองไว้เพื่อกันโปรแกรมเสียหาย
  BASIC : ภาษาเบสิก
                    เป็นภาษาระดับสูงใช้ในการเขียนโปรแกรม เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลได้และ
                      การทำงานเป็นแบบแบ่งเวลา (Time Sharing)
buffer : ที่พักข้อมูล ที่ปรับอัตรา หรือกันชน
                    ใช้พักข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ input/out กับ CPU เป็นพื้นที่สำหรับหน่วยความจำขนาดเล็ก 
bug : จุดบกพร่อง
                    การ error ในระบบหรือโปรแกรม การ error ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือในรายละเอียดบางชิ้น
                     ของฮาร์ดแวร์
bus : บัส
                    การสื่อสารระหว่าง provide หรือ มากกว่า 1 devices เช่น ระหว่าง CPU, หน่วยความจำ และ
                         อุปกรณ์รอบนอก โดยคอมพิวเตอร์จะต่อเข้ากับเครื่อง server
byte : ไบต์
                    เป็นกลุ่มของบิต จะมีอยู่ 8 operater ในหน่วยหนึ่ง โดยจะมีตัวแปรเป็นอักขระหรือสัญลัษณ์พิเศษ
                       โดยปกติ 1 ไบต์จะมี 8 บิต
CAD/CAM : การออกแบบและผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย
                    โดยปกติทั่วไปจะนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบและกระบวนการผลิตของธุรกิจต่างๆ
CAI : การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย
                    คือการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้เองโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อ
control unit : หน่วยควบคุม
                    เรียกกันว่า CPU และสามารถพบได้ในการ execution ของโครงสร้างโปรแกรม และเป็นการประมวล
                          ผลส่วนกลางซึ่งจะทำงานควบคุมโดยตรงของระบบคอมพิวเตอร์
coursor : ตัวชี้ตำแหน่ง
                    สัญลักษณ์ที่แสดงผลบนจอภาพ คือ ขีดเส้นใต้กระพริบเพื่อแสดงหรือชี้ว่า ตัวถัดไปอยู่ตำแหน่งไหน 
                           อาจจะเป็นสัญลักษณ์ขีดเส้นใต้ หรือกล่องซึ่งบอกว่าคุณกำลังอยู่ตำแหน่งไหนบนจอภาพ
data : ข้อมูล
                    ข้อมูลที่เตรียมไว้เพื่อจะนำไปเข้าสู่การประมวลผล
data base : ฐานข้อมูล
                    ที่รวมของไฟล์ที่มีความสัมพันธ์กันโดยใช้หลักการบางอย่างทำให้ข้อมูลไม่ซ้ำซ้อนกันและสามารถ
                       เรียกใช้งานได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว  ระบบฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การบำรุงรักษา
central processing unit : หน่วยประมวลผลกลาง
                    เป็นส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์มีหน้าที่ในการควบคุมการแปลและการรันโปรแกรมและ
                    คำสั่งต่างๆ ใน CPU ประกอบด้วยหน่วยความจำหลัก หน่วยคำนวณและตรรกะ และหน่วยควบคุม
channel : ช่องสัญญาณหรือร่องข้อมูล
                    เป็นเส้นทางสำหรับการส่งสัญญาณระหว่างคำสั่งและตำแหน่งของข้อมูล แบ่งเป็นแทร็คในเทป
                    แม่เหล็กหรือเรียกว่า แบนด์ในดรัมแม่เหล็ก เป็นอุปกรณ์ที่เป็นตัวนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไปสู่ CPU 
                    และจาก CPU ไปสู่อุปกรณ์ต่างๆ
chip : ชิป
                    สร้างมาจากซิลิโคนประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และประกอบเป็น integrated
diskette : แผ่นบันทึก
                    เป็นฟลอปปี้ดิสก์ เป็นเทปแม่เหล็กราคาถูก สำหรับอุปกรณ์ I/O และเป็นหน่วยความจำสำรอง
hard disk : จานบันทึกแบบแข็ง
                    วัตถุที่เป็นโลหะ จาน ของแข็ง ซึ่งจะครอบคลุมด้วยแม่เหล็ก จะเป็นแผ่นกลมใช้ห้อยในเปรียบเทียบ
                    สิ่งที่ต้องการแต่ละชนิด
hardware : ส่วนเครื่อง หรือส่วนอุปกรณ์
                    การประดิษฐ์ส่วนประกอบของวัตถุ นำมาปะติดปะต่อโดยมีส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือ
                    อิเล็กตรอน แม่เหล็กและเครื่องจักร โดยจะมีส่วนตรงข้ามกับซอร์ฟแวร์
mainframe : คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
                    ระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สามรถรับจำนวนของกลไกภายรอบนอกได้มาก
maintenance programming : รักษาโปรแกรม
                    ข้อปฏิบัติในการักษาแก้ไขสภาพของโปรแกรมให้ถูกต้องและคงอยู่สภาพดังเดิม
microprocessor : ตัวประมวลผล
                    การประมวลผลเป็นหัวใจสำคัญของไมโครคอมพิวเตอร์
LST : วงจรรวมความจุสูง
                    เป็นวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบด้วยชิปเดี่ยวเล็กๆ ทำจากซิลิคอนหรือส่วนประกอบอื่นๆ 
       ประกอบเข้าเป็นชิ้นเดียวกัน
PROM : หน่วยความจำโปรแกรมลบไม่ได้
                    เป็นหน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งผู้ผลิตจะทำการบันทึกโปรแกรม เข้าไป
Modem : ตัวกล้ำและแยกสัญญาณ
                    เป็นอุปกรณ์ที่ทำการแปลงสัญญาณข้อมูลดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอนาล็อกแล้วจึงทำการส่งออกไป
                    สู่สายสื่อสารต่อไป
Mouse : เมาส์
                    เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเท่ากับเทปใช้ในการบังคับทิศทางของเคอร์เซอร์ซึ่งเมาส์จะมีลักษณะที่เคลื่อน
                    ย้ายไปมาได้ เมาส์จะมีสายที่ยาวต่อเข้าไปเครื่องคอมพิวเตอร์และใช้รับคำสั่งโดยการคลิกที่ปุ่มของเมาส์
RAM : หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม
                    โครงสร้างในหน่วยความจำจะถูกเรียกหาข้อมูลคืนมา
Serial access : การเข้าถึงโดยลำดับ
                    เป็นลักษณะหน่วยความจำที่เข้าถึงโดยมีความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่แน่นอนและตำแหน่งข้อมูลในหน่วย
                    ความจำ

          คำศัพท์ด้านอินเตอร์เน็ต( HTTP , HTTPS ฯลฯ)
          HTML  เป็นคำย่อมาจาก Hypertext Markup Language เป็นมาตรฐานของการสร้างไฮเปอร์เท็กซ์
          HTTP  เป็นชื่อโปรโตคอลที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลไฮเปอร์เท็กซ์ โปรโตคอลนี้มีชื่อเต็มว่า Hypertext Transfer Protocol
          hypertext  ระบบเอกสารที่เก็บไว้เป็นไฟล์เอกสาร แต่มีการเชื่อมโยงกับไฟล์อื่น ๆ
          homepage   เอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ที่เขียนขึ้นและวางไว้บนเครื่องเวบเซอร์ฟเวอร์ เมื่อเรียกเข้าครั้งแรกไปยังเวบเซอร์ฟเวอร์ จะพบเอกสารหน้าแรกของเครื่องนั้นที่เตรียมไว้
          host  เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหลักที่ต่ออยู่บนเครือข่าย
          Archie  กลไกการค้นหาแฟ้มข้อมูลที่ต้องการบนอินเทอร์เน็ต
          bookmark  เป็นสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับการบันทึกแอดเดรสของสถานี
          browser  ระบบเวบประเภทไคล์เอ็นต์ โปรแกรมบราวเซอร์เป็นโปรแกรมไคล์เอ็นต์ที่จะเรียกไปยังเวบเซอร์ฟเวอร์
          download  การโอนย้ายข้อมูลหรือแฟ้มข้อมูลจากเครื่องหลัก (โฮสต์) มายังเครื่องพีซี
          firewall  ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร
          Gateway  ทางเชื่อมต่อจากเครือข่ายออกไป
          Client  ผู้ขอใช้บริการ
          Chat  การพูดคุยบนเครือข่าย

          คำศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง  ๆ หรือ อื่น ๆ (เช่น  Alphanumeric Characters , CCD ,ฯลฯ)
          assembly language : ภาษาแอสเซมบลี
          เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาระดับต่ำคล้ายๆกับภาษา Basic  และภาษา Cobol
          BASIC : ภาษาเบสิก
          เป็นภาษาระดับสูงใช้ในการเขียนโปรแกรม เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลได้และการทำงานเป็นแบบแบ่งเวลา
          API
          Application Program Interface หรือ API หรือ เอพีไอ คือ วิธีการเฉพาะสำหรับการเรียกใช้ระบบปฏิบัติการหรือ   แอพพลิเคชั่นอื่นๆ หรือ
BIOS
          BIOS หรือ ไบออส หรือ Basic Input/Output คือโปรแกรมที่ไมโครโปรเซสเซอร์ใช้เพื่อเริ่มสตาร์ทการทำงานของระบบ                     คอมพิวเตอร์หลังเปิดสวิตช์
          DDoS
          DDoS หรือ ดีดอส หรือ Distributed Denial-of-Service หรือ ดิสทริบิวต์ออฟเซอร์วิส คือ ลักษณะหรือวิธีการหนึ่งของการ                   โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายหรือระบบเป้าหมายบนอินเทอร์เน็ตของแฮกเกอร์ เพื่อทำให้ระบบเป้าหมาย                     ปฏิเสธหรือหยุดการให้บริการ (Denial-of-Service)
          EPROM
          EPROM หรือ Erasable Programmable Read-Only Memory หรือ เอ็ปรอม คือ พีรอม (PROM) ซึ่งสามารถลบและนำมาใช้                    ซ้ำได้  การลบข้อมูลในเอ็ปรอมสามารถทำได้โดยการนำไปตากแดด รังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดดจะทำ             ปฏิกิริยากับชิพ      หน่วยความจำและลบข้อมูลทั้งหมดออกไป อย่างไรก็ตามการลบข้อมูลจะเกิดขึ้นภายใต้แสงแดดจัด เท่านั้น แสงแดดที่ส่อง          ผ่านเข้ามาในห้องอาจมีปริมาณรังสีอุลตร้าไวโอเลตไม่เพียงพอสำหรับกระบวนการดังกล่าว
       

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ใบงานที่ 1

  1. บิดาคอมพิวเตอร์คือใครและจงบอกผลงานที่ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์
- ชาร์ล แบบเบจ   ผลงาน  ได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องหาผลต่าง ( Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ ค่าทางตรีโกณมิติและฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ แบบเบจได้พยายามสร้าง เครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
  1. จงเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับประวัติคอมพิวเตอร์ต่อไปนี้ จากแรกสุดไปหลังสุด
2) Slide Rule                                       6) UNIVAC
1) Abacus                                             5) MARK I  
3)
Difference Engine                        4) ABC Computer 

  1. จงอธิบายที่มาของเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์
-นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน
  1. โปรแกรมเมอร์คนแรกคือใคร                                                                                                                                                        -เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค
  2. คอมพิวเตอร์เครี่องแรกที่สามารถเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่องได้คือ                                                                                           -EDVAC
  3. เครื่องประดิษฐ์ที่ชื่อว่า Difference Engine สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์อะไร                                                                  -เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ ค่าทางตรีโกณมิติและฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
  4. เครื่องคอมพิวเตอร์ใดที่เป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน
-Boolean Algebra  ที่ประดิษฐ์โดย  ยอร์จ บูล